การปล่อยก๊าซเรือนกระจกและกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
แนวโน้มด้านพลังงานของโลก มีรายละเอียดในการให้ความสำคัญกับการจัดการผลกระทบด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ที่นับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยธุรกิจพลังงานมีส่วนสำคัญต่อการปรับตัวเพื่อลดผลกระทบดังกล่าว อาทิ การปรับเปลี่ยนการใช้ถ่านหินหรือเชื้อเพลิงฟอสซิลในการผลิตกระแสไฟฟ้า ไปสู่แหล่งผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนหรือพลังงานสะอาด โดยประเทศไทยก็อยู่ในกระแสการปรับเปลี่ยนดังกล่าวมาใช้พลังงานสะอาด (Renewable Energy: RE) ให้เป็นเชื้อเพลิงหลัก นอกจากนี้ ผลจากการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ COP26 และ COP27 ประเทศไทยได้แถลงการณ์มีส่วนร่วมในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยมีเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี ค.ศ. 2050 และมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ในปี ค.ศ. 2065 อีกทั้งมาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป (Carbon Border Adjustment Mechanism: CBAM) ที่ส่งผลกระทบต่อผู้นำเข้าสินค้า โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมส่งออก มีความจำเป็นในการใช้พลังงานหมุนเวียนที่สามารถนำไปสำแดง (Declare) เพื่อป้องกันการถูกเรียกเก็บค่าปรับคาร์บอนข้ามพรมแดนและรักษาความสามารถในการแข่งขัน รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ อาทิ การกำหนดหลักเกณฑ์และนโยบายต่าง ๆ จากภาครัฐ ที่ผลักดันส่งเสริมทางเลือกในการเข้าถึงพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น
ด้วยเหตุนี้ PEA จึงมุ่งมั่นขับเคลื่อนและพัฒนาการดำเนินงานต่าง ๆ ทั้งในด้านการเพิ่มคุณภาพและความน่าเชื่อถือของระบบไฟฟ้า การเพิ่มพลังงานทดแทนที่เชื่อมต่อกับโครงช่ายของ PEA การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและพัฒนาองค์กรสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) เพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและร่วมส่งเสริมการบรรลุเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศ
การปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร คือ ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากการดำเนินงานขององค์กร เช่น การเผาไหม้ของเชื้อเพลิง การใช้ไฟฟ้า การจัดการของเสีย การขนส่ง วัดออกมาในรูปตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า โดยพิจารณาจาก 3 ส่วนหลัก แบ่งเป็นขอบเขต ดังนี้
ขอบเขตที่ 1 : การคำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรง (Direct Emissions) จากกิจกรรมต่าง ๆ ขององค์กรโดยตรง เช่น การใช้น้ำมันดีเซลในการผลิตพลังงานไฟฟ้า การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงพาหนะ การบำรุงรักษาสถานีไฟฟ้าและระบบไฟฟ้า การผลิตเสาไฟฟ้าจากผลิตภัณฑ์คอนกรีต การรั่วซึม/รั่วไหลจากกระบวนการหรือกิจกรรม เป็นต้น
ขอบเขตที่ 2 : การคำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากการใช้พลังงาน (Energy Indirect Emissions) ได้แก่ การซื้อพลังงานมาใช้ในองค์กรหน่วยสูญเสียในระบบส่งและจำหน่ายไฟฟ้า เป็นต้น
ขอบเขตที่ 3 : การคำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมด้านอื่น ๆ ประกอบด้วย
- ประเภทที่ 1 สินค้า บริการที่จัดซื้อ ได้แก่ น้ำประปา กระดาษ น้ำมันหม้อแปลง เหล็ก หิน ปูนซีเมนต์ และทรายสำหรับผลิตเสาไฟฟ้า เป็นต้น
- ประเภทที่ 3 กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับเชื้อเพลิงและพลังงาน (นอกเหนือจากขอบเขตการที่ 1 หรือ 2) ได้แก่ หน่วยซื้อไฟฟ้าจาก กฟผ. และหน่วยซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตขนาดเล็กมาก เป็นต้น
- ประเภทที่ 5 ของเสียจากการดำเนินงาน ได้แก่ ขยะมูลฝอย และขยะอันตราย เป็นต้น